เจาะลึกรายรับลิเวอร์พูลทำไมถึงมากสุดเป็นประวัติการณ์

ความสำเร็จบนผืนหญ้ามาพร้อมกับรายรับที่สูงเป็นประวัติการณ์ของ ลิเวอร์พูล
สโมสรประกาศผลประกอบการ โดยกำไรก่อนหักภาษีมีตัวเลขอยู่ที่จำนวน 42 ล้านปอนด์

รายงานทางบัญชีประจำปีฉบับนี้ นับตั้งแต่ช่วงระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2018 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2019 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล มีผลประกอบการดีขึ้น 17% คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 78 ล้านปอนด์ในช่วงเวลา 1 ปี จนตัวเลขโดยรวมอยู่ที่ 533 ล้านปอนด์

เจาะลึกรายรับลิเวอร์พูลทำไมถึงมากสุดเป็นประวัติการณ์
การได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และจบด้วยรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2018/19 ทำให้สโมสรมีรายได้ต่างๆ เพิ่มขึ้น แบ่งแยกย่อยได้ดังนี้

รายได้จากด้านสื่อ เพิ่มขึ้น 41 ล้านปอนด์ เป็น 261 ล้านปอนด์ (เพิ่มขึ้น 19%)

รายได้จากเชิงพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 34 ล้านปอนด์ เป็น 188 ล้านปอนด์ (เพิ่มขึ้น 22%)

และรายได้จากเกมการแข่งขัน เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านปอนด์ เป็น 84 ล้านปอนด์ (เพิ่มขึ้น 4%)

ซึ่งส่วนใหญ่เงินก้อนนี้ถูกนำไปใช้ในการเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้น โดยขุมกำลังที่ว่าก็กำลังเข้าใกล้ทำให้ทีมได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990

ตัวเลขแสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ใช้จ่ายสูงสุดเป็นสถิติของสโมสร ด้วยการซื้อผู้เล่นเข้ามาเป็นเงินรวม 223 ล้านปอนด์

เจอร์เก้น คล็อปป์ คว้าผู้เล่นเข้ามา 4 ราย คือ อลีสซง เบ็คเกอร์ 65 ล้านปอนด์, นาบี เกอิต้า 52.75 ล้านปอนด์, ฟาบินโญ่ 43.7 ล้านปอนด์ และ เซอร์ดาน ชากิรี่ 13.75 ล้านปอนด์

โดย ดิ แอธเลติก สื่อที่ผมอ้างอิงในบทความนี้ก็เชื่อว่าเงินก้อน 223 ล้านปอนด์นี้เป็นค่าสุทธิที่รวมค่านายหน้าเอเยนต์และค่าใช้จ่ายด้านสัญญาที่เป็นเงื่อนไขแบบพิเศษเข้าไปแล้ว

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกัน ลิเวอร์พูล ไม่ได้แค่ซื้อเข้ามา แต่พวกเขาก็ยังปล่อยผู้เล่นออกจากทีม อาทิ เอ็มเร่ ชาน (ฟรี), แดนนี่ วอร์ด 12.5 ล้านปอนด์, รักนาร์ คลาวาน 2 ล้านปอนด์, โดมินิค โซลันกี้ 19 ล้านปอนด์ และ ลาซาร์ มาร์โควิช (ฟรี)

ขณะที่ สโมสรก็ยังคงได้รับเงินจาก บาร์เซโลน่า ในค่าตัวของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มูลค่า 142 ล้านปอนด์

ส่วนของเงินที่จ่ายออกไปก็ยังมีค่าสัญญาฉบับใหม่ให้กับผู้เล่นเพื่ออยู่กับทีมในระยะยาว เช่น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ

ในเรื่องของการจ่ายค่าเหนื่อย ลิเวอร์พูล มีตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 263 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2017/18 เป็น 310 ล้านปอนด์ ตอนซีซั่น 2018/19 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 18%

โดยคิดเป็นราว 58% ของตัวเลขผลประกอบการ 533 ล้านปอนด์ ขณะที่ค่าเหนื่อยโดยรวมของ แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่น 2018/19 อยู่ที่ 315.6 ล้านปอนด์ คิดเป็น 59% จากผลประกอบการจำนวน 535 ล้านปอนด์

สิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จเรื่องการเงินของ ลิเวอร์พูล คือการที่พวกเขาทำกำไรมหาศาล โดยที่สโมสรก็ลดหนี้ไปได้จำนวนมากเช่นเดียวกัน

หนี้โดยรวมของ ลิเวอร์พูล ลดลงจาก 46 ล้านปอนด์ เหลือ 12 ล้านปอนด์ ขณะที่หนี้ด้านธุรกรรมระหว่างบริษัทก็ลดจาก 100 ล้านปอนด์ เหลือ 79 ล้านปอนด์

หนี้ด้านธุรกรรมระหว่างบริษัทคือ หนี้ที่เกี่ยวข้องกับการที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) กู้เงินมา 110 ล้านปอนด์ เพื่อปรับปรุงอัฒจันทร์ฝั่ง เมน สแตนด์ ที่เปิดใช้งานไปเมื่อเดือนกันยายน ปี 2016 ซึ่งทำให้สนาม แอนฟิลด์ มีความจุเพิ่มเป็น 54,000 ที่นั่ง เช่นเดียวกับที่สโมสรก็จ่ายเงินด้านนี้คืนให้กับ FSG เป็นจำนวนเงินเกิน 30 ล้านปอนด์

เจาะลึกรายรับลิเวอร์พูลทำไมถึงมากสุดเป็นประวัติการณ์
ความสำเร็จของการขยายสนามและการตัดสินใจของ FSG ในเรื่องนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีรายได้จากวันแข่งขันในรอบ 1 ปี เพิ่มขึ้นจาก 62 ล้านปอนด์ เป็น 84 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่วันที่มีการต่อเติมเสร็จ

ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นไปอีก หาก ลิเวอร์พูล ได้รับอนุญาตบูรณะอัฒจันทร์ฝั่ง แอนฟิลด์ โร้ด ที่พวกเขาเพิ่งเปิดเผยแผนงานนี้ไปหมาดๆ โดยโปรเจ็กต์นี้จะมีค่าใช้จ่ายราวๆ 60 ล้านปอนด์ และ แอนฟิลด์ จะมีความจุเพิ่มขึ้นอีก 7,000 ที่นั่ง เมื่อถึงฤดูกาล 2022/23

และจากบัญชีครั้งล่าสุดก็ยังนับรวมเงิน 50 ล้านปอนด์ที่ใช้ไปในการทำศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ที่ เคิร์คบี้ โดยศูนย์ฝึกนี้จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 และจะมีการแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดตามงบประมาณแต่ละปี

“การที่สโมสรยังทำให้การเงินมีความมั่นคงมากขึ้นได้ ทำให้สโมสรสามารถลงทุนทั้งการเสริมทัพและด้านโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเต็มที่

ซึ่งการทำให้การเงินมีความมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ ได้มันถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” แอนดี้ ฮิวจ์ส ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ ลิเวอร์พูล ระบุ

“การที่สามารถลงทุนกับด้านนักเตะได้เกิน 220 ล้านปอนด์ ในช่วงปีงบประมาณนี้มันเป็นผลลัพธ์จากยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รายได้ด้านการตลาดของทีมมันสูงขึ้น”

“อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายด้านฟุตบอลก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทางการจ่ายค่าตัวและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ถึงกระนั้น

สิ่งที่สำคัญสำหรับเราก็คือการที่การเงินของเรายังมีความมั่นคงแบบคงเส้นคงวาจนทำให้เรามีรายจ่ายที่ไม่สูงเกินรายรับ จนส่งผลให้สโมสรยังไม่ล้มละลาย”

ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงด้านการเงินของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การบริหารของ FSG ที่ฟูมฟักทีมมานาน 1 ทศวรรษ

แทงบอลออนไลน์

เจาะลึกรายรับลิเวอร์พูลทำไมถึงมากสุดเป็นประวัติการณ์
ย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2015/16 รายได้โดยรวมของสโมสร อยู่ที่ 301 ล้านปอนด์ เทียบกับตอนนี้มันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก (533 ล้านปอนด์) นั่นก็หมายความว่าช่วงเวลา 3 ฤดูกาล ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นสูงถึง 77%

 

อ่านต่อได้ที่  benoitpelosse.com

แทงบอลกับ UFABET ราคาดี ค่าคอมสูง อันดับ 1 เรื่องบริการ

สมัครเลยวันนี้ รับสิทธิ์พิเศษมากมาย ufabet369.net พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง